ณิชา วันสารัมย์
แม่บ้านข้าราชการตํารวจ กองกํากับการตํารวจตระเวนชายแดนที่ 41 จ.ชุมพร
เช่นเดียวกับ ณิชา วันสารัมย์ แม่บ้านข้าราชการตํารวจ ที่เริ่มต้นด้วยกองกํากับการตํารวจตระเวนชายแดนที่ 41 จ.ชุมพร สถานะติดลบ แต่ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงินและการลงทุนกลับทําให้ชีวิตเธอพลิกฟื้นกลับมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง
“ตั้งแต่คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็ง จะมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินกับค่าเดินทางมาทําคีโมที่กรุงเทพฯ มีเรื่องค่าเล่าเรียนของลูก มีหนี้ก้อนใหญ่ที่สามีกู้มาสร้างบ้านให้แม่ ส่วนเราก็มีหนี้คอนโดฯ อยู่ ช่วงนั้นเราเข้าไปดูในสมุดบัญชีธนาคาร เงินมันหายหมด เราก็รู้สึกว่า ทําไมมันหมดไปขนาดนี้”
แม้ณิชาจะไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และยังพยายามหารายได้ทุกวิถีทาง เช่น การปลูกผักขาย จนกระทั่งขายของออนไลน์ แต่หนี้และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ยังสูบเงินส่วนใหญ่ของครอบครัวไปจนหมด
กระทั่งวันหนึ่งที่มีเสียงแอปพลิเคชัน LINE เด้งขึ้นในกรุ๊ปของสมาคมแม่บ้านตํารวจ ณิชาบอกว่าเสียงนั้นเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
โครงการ Happy Money In Action เส้นทางสร้างสุขทางการเงิน คือข้อความทางไลน์ที่เธอได้อ่านในวันนั้น และเธอไม่รอช้าที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการ
“เราตั้งใจมาก ก็ขอเงินสามีว่า ฉันขอค่าอินเทอร์เน็ตสําหรับการเรียน เขาบอกว่า ได้ แต่เรามารู้ว่าเขาต้องไปชายแดน รองเท้าเขาขาดแล้ว ตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อรองเท้า แต่เขาไม่ซื้อ แล้วเอาเงินมาให้เราซื้ออินเทอร์เน็ตเรียนแทน”
ด้วยแรงสนับสนุนและเสียสละของสามี ณิชาจึงตั้งใจเรียนอย่างมาก และทําให้เธอรู้หลายเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน อย่างแรก คือการได้รู้จักสถานะหนี้ของตัวเอง ต่อมาเมื่อเธอเรียนรู้เรื่องการทําบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อให้รู้สถานะทางการเงินและเข้าใจนิสัยทางการเงินของตัวเอง ก็ทําให้เธอปลดล็อกนิสัยบางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อการออมเงิน
เมื่อเข้าใจถึงสถานะการเงินและวิธีแก้ไข ต่อจากนั้นจึงนําไปสู่เป้าหมายของการลดหนี้ โดยระหว่างทางเธอได้รับคําแนะนําดี ๆ จากอาจารย์ที่สอนหลายท่าน
“จากที่เราได้แต่ปรับทุกข์กับสามี แต่พออาจารย์มาชี้จุดให้เราเห็น กราฟเงินออมของเราค่อย ๆ ขึ้นมาทีละนิด ๆ มันทําให้เราเห็นทางออก เพราะเราได้ความรู้ ได้หลักการในการดําเนินชีวิต”
เธอกล่าวเสริมด้วยว่า “ถ้าปัญหาเรื่องเงินหมดไป ปัญหาครอบครัวก็แทบไม่มี ดังนั้น ถ้าแก้เรื่องการเงินได้ ก็แก้ปัญหาครอบครัวได้ด้วย”
จนถึงวันนี้ เธอสามารถลดหนี้ ลดค่าใช้จ่าย และมีเงินเก็บออม รวมถึงเงินที่เหลือสําหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เธอต้องการด้วย
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทําให้เรารู้จักตัวเอง เรามีหนี้อะไร ทรัพย์สินอะไร เงินที่เหลือหลังจากหักหนี้ ค่าใช้จ่าย และเงินออมออกแล้ว มันคือเงินส่วนที่เราใช้ได้อย่างสบายใจที่สุด มันมีความสุขนะคะ กับเงิน 2,000 บาทที่เหลืออยู่” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นอกจากปรับใช้กับตัวเองจนชีวิตเปลี่ยนไป ณิชายังได้นําความรู้ที่เธอได้ไปบอกต่อกับเพื่อน ๆ ในสมาคมแม่บ้านตํารวจด้วย เพราะอีกหลายครอบครัวก็ประสบปัญหาไม่ต่างไปจากเธอ และเรื่องราวการวางแผนการเงิน ค่อย ๆ ทยอยลดหนี้ ลดค่าใช้จ่าย จนมีเงินเก็บออม ก็เป็นแรงบันดาลใจให้บรรดาภรรยานายตํารวจอีกหลายคน
“เราให้ความรู้กันตั้งแต่ในวงส้มตํา จนถึงวงฟังเทศน์ เราจะบอกให้ทุกคนทํางาน อย่านั่งรอสามีไปวัน ๆ มีคนหนึ่งลูกยังเล็ก ต้องไปรับลูก บอกเราว่าไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปทํางาน เราก็บอกลองไปขายหมูปิ้งแถวนั้นดูไหม เขาก็ไปทําหมูปิ้งขายจนถึงทุกวันนี้ ได้เงินมาใช้ค่าจิปาถะ เป็นความสุขของเขา”
มิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน บริษัท เงินติดล้อ จํากัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ที่ใช้ความรู้ทางการเงินเป็นใบเบิกทางสู่โอกาสในชีวิต เพราะก่อนจะมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงินเขาเคยสมัครเป็นคนส่งของกับบริษัทเงินติดล้อ เพราะมีวุฒิแค่ ม.6 แต่ด้วยความมุ่งมั่น หมั่นเพียรหาความรู้ในทุกด้าน นำพาเขามาสู่การเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมด้านสินเชื่อ และท้ายสุดมาสู่แผนกส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน แผนกที่แม้แต่บริษัทเองก็ไม่เคยมีมาก่อน
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ขณะที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมสินเชื่อตลาดสด มิ่งขวัญเกิดคำถามว่า ทําไมกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด ที่ได้รับสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ ถึงไม่สามารถหลุดพ้นจากวังวนของหนี้นอกระบบได้