สมจินต์ ศรไพศาล
กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เล่าถึงความสําคัญของตลาดตราสารหนี้ต่อตลาดการเงินไทยทั้งด้านการระดมทุนของธุรกิจและการออมระยะยาวของนักลงทุน ตลอดจนบทบาทความร่วมมือและการร่วมพัฒนา Infrastructure ของตลาดทุนว่า
“ถ้ามองในมุมของแหล่งระดมทุน ตลาดตราสารหนี้เป็นส่วนสําคัญที่จะทําให้การทํางานของตลาดการเงินมีประสิทธิภาพ ส่วนของทุนจําเป็นในช่วงเริ่มต้น เมื่อสามารถระดมทุนจากประชาชนได้ ธุรกิจก็จะขยาย หากใช้แต่หุ้น ทุนการขยายก็จํากัด แนวคิดสําคัญที่จะทําให้เกิดประสิทธิภาพและทําให้เกิดผลตอบแทนที่ดีก็คือการ Balance ด้วยการใช้ตราสารหนี้ เพราะฉะนั้นการที่บริษัทแห่งหนึ่งสามารถเติบโตและพัฒนาตัวเองจนสามารถจดทะเบียนในตลาดหุ้นได้เท่ากับเป็นการเปิดประตูสู่ตลาดตราสารหนี้ควบคู่กันไป
“ผมคิดว่าความร่วมมือในเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน เป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทํามาโดยตลอด ล่าสุดเรามี FETCO ความพยายามที่จะร่วมมือกันระหว่างองค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ในการสนธิข้อมูลระหว่างกัน คือ เวลาที่ผู้เสนอหลักทรัพย์ให้ข้อมูล ข้อมูลจํานวนหนึ่งต้องส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว แต่ข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับการออกตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจจะได้รับทีหลัง สมาคมฯ จะได้รับก่อน เพราะฉะนั้นการสนธิข้อมูลเข้าด้วยกันเป็นทิศทางที่กําลังพยายามทําซึ่งก็มีการคุยกันอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ยังมีโครงการ Digital Infrastructure for Capital Market (DIF) ที่เป็นความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมธนาคารไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สํานักงาน ก.ล.ต. CMDF และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย จัดทํา DIF Web Portal ให้บริการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนในตลาดแรกด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็มีการร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการช่วยทดสอบและสื่อสารให้ Issuer และ Underwriter เข้าใจถึงกลไกการทํางานของระบบ”
นักลงทุนรายบุคคลเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีบทบาทสําคัญของการพัฒนาตลาดทุน การให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักลงทุนในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ตามหลักวิชาการที่ถูกต้องจะช่วยให้นักลงทุนสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยจัดตั้งขึ้นเพื่อทําหน้าที่ช่วยเหลือ ให้ความรู้ และเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นรายย่อยในการปกป้องสิทธิประโยชน์จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยิ่งยง นิลเสนา นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ได้พูดถึงภารกิจของสมาคมฯ ในการทําหน้าที่เป็นตัวแทนนักลงทุนรายบุคคล ซึ่งหนึ่งในภารกิจนั้นคือการประเมินคุณภาพการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนว่า
“งานหลักที่ทําอยู่ก็คือการประเมินโดยทีมที่เรียกว่า ‘อาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น’ ที่จะเข้าประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งถือว่าเป็นเวทีที่สําคัญสําหรับบริษัทจดทะเบียนในการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยอาจจะเป็นการประชุมสามัญประจําปีหรือวิสามัญเวลามีเคสต่าง ๆ เกิดขึ้นมา เราจะช่วยประเมินบริษัทว่าเขาทําได้ดีหรือไม่ เพื่อนําไปปรับปรุงในภาพรวม เพื่อยกระดับคุณภาพการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนทั้งระบบให้ดีขึ้น เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอย่างดี
“ประเด็นแรกที่ประเมินคือการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน โดยทั่วไปผู้ลงทุนรายบุคคลจะเข้าพบบริษัทยากกว่าผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้จัดการกองทุน ดังนั้น การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เช่น การตอบคําถามในที่ประชุมก็เป็นประเด็นหนึ่งที่เราพยายามพัฒนา และประเด็นที่สองคือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลว่า ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ตรงตามเวลาไหม
“นอกจากนี้ ได้มีการยกระดับการช่วยเหลือและพิทักษ์สิทธิให้แก่นักลงทุนรายบุคคลในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) กรณีได้รับความเสียหายจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)