ESG : Now or Never?

ภารกิจสําคัญประการหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือการพัฒนาตลาดทุน ให้ยั่งยืนด้วยการช่วยเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแรงแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้าน

ในส่วนของบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการช่วยยกระดับคุณภาพและพัฒนาศักยภาพให้ธุรกิจสามารถเติบโตและมีผลประกอบการที่ขยายตัวต่อเนื่องไปพร้อมกับ การดําเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักบรรษัทภิบาล

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ริเริ่มการพัฒนาบรรษัทภิบาล (Corporate Governance: CG) ให้แก่บริษัทจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2537 ด้วยการกําหนดให้มีกรรมการอิสระในคณะกรรมการของบริษัทจดทะเบียนและในเวลาต่อมาได้มีการขยายไปสู่การเป็น ‘องค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยื่น ซึ่งนับเป็นเครื่องมือสําคัญในการบริหารจัดการความคาดหวัง ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เหตุผลสําคัญที่ทําให้บริษัทต้องดําเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สืบเนื่องมาจากการที่ธุรกิจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เช่น การพัฒนา เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสําคัญต่อการดําเนินชีวิตประจําวัน ส่งผลให้ธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การเปลี่ยนขั้วอำนาจ เศรษฐกิจของโลก (Geopolitics) ที่ทําให้เกิดคู่แข่งใหม่ทางธุรกิจ และมีการนํากฎระเบียบ รวมถึงนโยบายทางภาษีมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสและความได้เปรียบทางการค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการขาดแคลนทรัพยากร ได้กลายเป็นความท้าทายใหม่ในโลกปัจจุบันและอนาคต โจทย์สําคัญคือทําอย่างไร เราจึงจะมีทรัพยากรและพลังงานเพียงพอต่อความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการหาวิธีรับมือภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

เหล่านี้คือปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของโลก ดังนั้น จึงมีความจําเป็นที่องค์กรต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อทรัพยากรขององค์กรและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในที่นี้จึงหมายถึง การที่องค์กรให้ความสําคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีนโยบายและแผนธุรกิจภายใต้หลักบรรษัทภิบาล และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเงินทุนและผลกําไรที่ใช้ในการขยายกิจการ มีผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงขยายขอบเขตให้ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทาน

ร่วมพัฒนาธุรกิจให้มีความรับผิดชอบ
และการลงทุนอย่างยั่งยืน

แนวคิดสําคัญที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามผลักดันและนําเสนอข้อมูลความรู้สู่สาธารณะอย่างสม่ําเสมอ โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คือเรื่อง “การลงทุนอย่างยั่งยืน”

โดยนิยามแล้ว การลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) คือแนวคิดการลงทุนที่คํานึงถึงการดําเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ของธุรกิจ ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ ลงทุนควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวและสร้างผลกระทบเชิงบวกหรือลดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

การที่บริษัทมีผลการดําเนินงานด้าน ESG ที่ดี ส่งผลให้บริษัทบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม มีศักยภาพในการแข่งขัน และได้รับการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ซึ่งจะช่วยให้ผลการดําเนินงานทางการเงิน (Financial Performance) ของธุรกิจเป็นไปในทางที่ดี อยู่รอดได้และเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น จึงสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น

การลงทุนอย่างยั่งยืนมีพัฒนาการมายาวนาน โดยมีรูปแบบหรือกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย เช่น การบริหารความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอด้วยการคัดกรองปัจจัยเชิงลบ (Negative Screening) เช่น ไม่ลงทุนในธุรกิจที่อาจขัดต่อศีลธรรมจรรยาที่ดีของสังคม การคัดกรองปัจจัยเชิงบวก (Positive Screening) เช่น เลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งเสริมหลักศีลธรรมจรรยาหรือมีความโดดเด่นในการดําเนินงานด้าน ESG เป็นต้น ปัจจุบันการลงทุนอย่างยั่งยืน เป็นที่ยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลกและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

สําหรับประเทศไทย การลงทุนอย่างยั่งยืนเป็นที่สนใจสําหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนสถาบัน ที่มีการนําประเด็นผลการดําเนินงานด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนมาใช้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ในการลงทุนกันมากขึ้น

ร่วมสร้างและแบ่งปัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมพัฒนา

การส่งเสริมเรื่อง ESG ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีต่อผู้ร่วมตลาด นอกจากการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนมีแนวปฏิบัติที่ดี หรือการส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืนแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังริเริ่มโครงการความร่วมมือการดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายลดเรือนกระจก และบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลได้แก่ Care the Bear, Care the Whale และ Care the Wild

อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือการสร้างสรรค์สังคมด้วยความรู้ในด้านต่าง ๆ พิสูจน์ได้จากหลายโครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมโยงไปสู่ภาคสังคมและภาคประชาชน เช่น โครงการ SET Social Impact ปั้นผู้ประกอบการหน้าใหม่สำหรับธุรกิจเพื่อสังคม รวมถึงโครงการ Happy Money ส่งเสริมให้คนไทยทุกช่วงวัยได้รับความรู้ ความเข้าใจในด้านการวางแผนการเงิน และต่อยอดสู่การสร้าง ‘พี่เลี้ยงการเงิน’ ส่งต่อความรู้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

จนถึงวันนี้ หลายโครงการประสบความสำเร็จออกดอกผลไปไกล กลายเป็นแรงผลักดันและแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนหลายองค์บกรเข้าร่วม และส่งต่อองค์ความรู้ที่มีไปสู่ผู้คนและสังคมรอบข้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เพราะรากฐานที่ดีจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และนี่คือเรื่องเล่าของหลากหลายผู้คนและองค์กรที่มีส่วนเข้าร่วมโครงการกับตลาดหลักทรัพย์ฯ

CARE the BEAR
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และธุรกิจเพื่อสังคม ช่วยกันขับเคลื่อนการลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดกิจกรรมขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม Onsite หรือ Online เช่น การประชุม การอบรม การจัดงานอีเวนต์ งานมอบรางวัล การประชุมผู้ถือหุ้น กิจกรรม CSR เป็นต้น เพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของผู้บริโภคให้มีส่วนช่วยลดโลกร้อน

CARE the Whale
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผนึกกำลัง 4 ภาคส่วนการทำงาน ได้แก่ 1) นักธุรกิจเพื่อสังคมรุ่นใหม่ ที่เป็นองค์กรผู้มีบทบาทในภาคเศรษฐกิจแห่งอนาคต นักธุรกิจเพื่อสังคมที่ถือเอาการเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นอีกเป้าหมายหลักในการประกอบธุรกิจ 2) ผู้ประกอบการที่มีที่ตั้ง ที่ทำการอยู่ในเขตถนนรัชดาภิเษก 3) พันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการในห่วงโซ่ของการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ 4) ภาครัฐ ในการร่วมมือกันผลักดันและพัฒนาโครงการ Care the Whale โดยมีเป้าหมายลดการสร้างขยะจากต้นทาง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Care the Wild
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุน ให้เกิดประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องควบคู่กับการผลักดันให้เกิดภาวะสมดุลของโลก โครงการ Care the Wild ‘ปลูกป้อง Plant & Protect’ ถือเป็น Collaboration Platform ที่เป็นกลไกเพื่อการระดมทุน เพื่อการปลูกต้นไม้ใหม่ ปลูกต้นไม้เสริม และส่งเสริมการดูแลต้นไม้ โดยผ่านภาคีองค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน