ปี 2529-2538 พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

สัญญาณการขยายตัวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งสืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจยุคโชติช่วงชัชวาลส่งผลต่อปริมาณและมูลค่าของธุรกรรมการซื้อขายในแต่ละวันที่สูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 2530 ซึ่งอาจจะเกินขีดจํากัดของวิธีการซื้อขายแบบเคาะกระดานในที่สุด ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเวลานั้นได้มองการณ์ไกลและริเริ่มนําระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาจับคู่ซื้อขายซึ่งเป็นความทันสมัยมากในยุคนั้น นับเป็นยุคแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ตลาดทุนด้วยเทคโนโลยี จนเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2534 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยคอมพิวเตอร์

การเปลี่ยนระบบซื้อขายหุ้นในยุคนั้น เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนครั้งสําคัญ เพราะหากไม่เพิ่มประสิทธิภาพเอาไว้ก่อน อาจเกิดการล้มเหลวของระบบขึ้นได้ เมื่อปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากความสําเร็จของการระดมทุนและลงทุนในช่วงนั้น

มารวย ผดุงสิทธิ์
กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 5

มารวย ผดุงสิทธิ์ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 5 เคยกล่าวว่า “ถ้ายังเป็นระบบเคาะกระดานแบบเดิม การซื้อขายในหนึ่งชั่วโมง จะทําได้เพียงไม่กี่รายการ แต่ถ้าซื้อขายผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ในช่วงแรกในหนึ่งชั่วโมง เราซื้อขายได้ 100,000 คําสั่ง”

“ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยคอมพิวเตอร์
นับว่าเป็นของใหม่ มิใช่เฉพาะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น
แต่ยังเป็นของใหม่สําหรับตลาดหุ้นอื่น ๆ ด้วย”

อาคารสํานักงานแห่งแรกเอง ก.ล.ต. ตั้งอยู่ที่ถนนสุรวงศ์

ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีการเติบโตในอีกหลายมิติ เช่น การเพิ่มขึ้นของจํานวนและมูลค่าระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน การติดตามและเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน การเพิ่มขึ้นของจํานวนนักลงทุน การเพิ่มขึ้นของปริมาณและมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ ส่งผลให้บทบาทและความรับผิดชอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมาตั้งแต่ก่อตั้ง ภายใต้พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 อาจมีขีดจํากัดและไม่ทันการณ์ เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องทําหน้าที่เป็น Market Platform ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง การกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุน ในขณะที่ตลาดทุนไทยเติบโตขึ้นทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก อีกทั้งในขณะนั้น มาตรฐานสากลเกี่ยวกับการกํากับดูแลตลาดทุนเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศมีคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (Securities and Exchange Commission: SEC) ทําหน้าที่เป็นหน่วยงานกํากับดูแลตลาดทุนของประเทศ และให้ตลาดหลักทรัพย์ (Exchange) ทําหน้าที่เป็นตลาดรอง ของตลาดทุน ซึ่งจะมีบทบาทด้าน Market Operator

ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 มีการประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่ของตลาดทุนคือ ‘พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535’ ซึ่งมีสาระสําคัญเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ซึ่งทําหน้าที่กํากับและพัฒนาตลาดทุน มีอํานาจในการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกํากับดูแลตลาดทุน การกระทําอันไม่เป็นธรรมในตลาดทุน ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมทั้งตลาดแรก หรือตลาดที่ออกหลักทรัพย์ใหม่ และตลาดรองหรือตลาดสําหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผ่านการซื้อขายในตลาดแรกแล้ว

กฎหมายฉบับดังกล่าวได้ระบุให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทําหน้าที่เป็นตลาดรอง และเป็นด่านแรกในการตรวจสอบความผิดปกติของราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น โดยจัดให้มีระบบการกํากับ และตรวจสอบการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ หากพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการกระทำความผิดก็จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบในเชิงลึกและนําเนินการกับผู้กระทําความผิดตามกฎหมายต่อไป

อานิสงส์ของยุคโชติช่วงชัชวาล ส่งผลให้ช่วงท้ายของทศวรรษนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวอย่างร้อนแรง และทําให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นมาตลอดจนดัชนีราคาหุ้นมาถึงจุดสูงสุดที่ 1,753.73 จุด ในช่วงต้นปี 2537 อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2538-2540 การเติบโตของเศรษฐกิจไทยเต็มไปด้วย ฟองสบู่ มีการกู้เงินจากต่างประเทศ (Offshore) ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยไม่คํานึงถึงความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังเกิดสภาวะการเก็งกําไรมากเกินไปในอสังหาริมทรัพย์และหุ้น จนประเทศไทยมีระดับความเสี่ยงสูง