ขยายขอบฟ้าของความเป็นไปได้ และความท้าทายจากเทคโนโลยียุคใหม่

เมื่อมีรากฐานทางเทคโนโลยีที่ดี ก็หมายความว่าจะสามารถรองรับรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย และเอื้อต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ได้ด้วย ซึ่งรวมถึงการเปิดทางให้ Al และ Machine Learning มาช่วยในการตัดสินใจลงทุน

พิเชษฐ สิทธิอํานวย ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย มองว่าการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเป็นเครื่องมือในการลงทุนมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกไม่พ้น เพราะท่ามกลางปริมาณการซื้อขายต่อวันนับรวมมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท AI และ Machine Learning มีบทบาทอย่างยิ่ง ในการช่วยจับสัญญาณเพื่อการลงทุนที่แม่นยํา และส่งคําสั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากฝั่งนักลงทุนแล้ว พิเชษฐยังมองว่าเทคโนโลยียุคใหม่ ยังจะช่วยให้การทําหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วย โดยเฉพาะการเฝ้าระวัง และการจับสัญญาณความผิดปกติในการซื้อขาย ซึ่งจะทําให้มองเห็นและเข้าใจภาพรวมของตลาดได้ดียิ่งขึ้น

เช่นเดียวกับอารักษ์ที่ให้มุมมองเรื่องประโยชน์ของการนําเทคโนโลยี AI มาใช้ในการลงทุนหรือตรวจจับความผิดปกติ ของการลงทุนว่า

“การพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีเปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว คนที่ใช้เทคโนโลยีคล่องก็จะมีโอกาสเข้าถึงตลาดทุนและมีประสิทธิภาพสูง เช่น ในมุมนักลงทุน การนํา AI มาช่วยออกแบบ Portfolio ในการซื้อขาย จะช่วยให้นักลงทุนหา Return ที่ดีในทุกสภาวะตลาด ขณะเดียวกันการนํา AI มาตรวจจับพฤติกรรมการลงทุนที่ไม่เหมาะสม ก็จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของตลาดทุนได้”

ด้าน Chih–Hung Lin กรรมการอํานวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เชื่อว่าจากประสบการณ์ทํางานในการเขียนโปรแกรมการลงทุนสําหรับการทําหน้าที่ Market Maker นั้น การใช้ API Trading เป็นเครื่องมือในการดูแลสภาพคล่องของหลักทรัพย์มีประโยชน์ เพราะช่วยให้ราคาหลักทรัพย์อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมได้เร็วขึ้น

“นักลงทุนรายบุคคลบางส่วนชอบการซื้อขายแบบ Momentum Trading บางครั้ง Market Maker เห็นว่าแนวโน้มของราคาไม่เป็นไปตามที่คิด Market Maker ก็จะเข้ามามีบทบาทและทําให้ราคาเข้าสู่ระดับที่ควรจะเป็นได้”

นอกจากนี้ Chih-Hung Lin มองว่า ในอนาคตนักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ สามารถใช้เทคโนโลยีในการซื้อขายหลักทรัพย์ได้มากขึ้น เช่น ใช้ API Trading มากำหนดกลยุทธ์ลงทุนเหมือนในอดีตไม่ต้องนั่งเฝ้าจอ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ต้องให้ความรู้แก่นักลงทุน เช่น ให้ทดลองความเหมาะสมของกลยุทธ์ลงทุนด้วยการทำ Back Testing ได้

“เทคโนโลยีช่วยสร้างความได้เปรียบ
เรื่องความเร็ว แต่เมื่อผ่านระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อเทคโนโลยีแพร่หลายมันจะกลายเป็น
แค่สะพาน ต้องกลับมาให้ความสําคัญ
กับไอเดียที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบ
ในการแข่งขัน”

ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จํากัด

ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จํากัด กล่าวในฐานะคนที่เป็นผลิตผลของการพัฒนาตลาดทุน ในช่วง 30 ปีหลังว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนถือเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์จากการมีตลาดทุนที่แข็งแกร่งจากเทคโนโลยี

“เทคโนโลยีช่วยสร้างความได้เปรียบเรื่องความเร็ว แต่เมื่อผ่านระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเทคโนโลยีแพร่หลายมันจะกลายเป็นแค่สะพาน ต้องกลับมาให้ความสําคัญกับไอเดียที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน”

ณรงค์ศักดิ์เสริมว่า การที่นั่งอยู่ในประเทศแล้วลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ เป็นเพราะใช้ความรู้ในเชิงเทคโนโลยีต่อยอด บริหารกองทุนด้วย Machine Learning ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทํามาต่อเนื่อง โดยไม่ต้องไปเสียเงินว่าจ้างชาวต่างชาติมาดําเนินการ ข้อมูลและโปรแกรมที่สอนให้ Machine รู้ว่าควรจะเลือกหุ้นในแต่ละประเทศอย่างไร และส่งคําสั่งไปที่โบรกเกอร์เพื่อลงทุนได้เป็นสิ่งสําคัญ

“สิ่งเหล่านี้เทคโนโลยีไม่ได้สอน แต่คนที่นําเทคโนโลยีมาใช้ต่างหาก จะต้องรู้ว่าจะใช้อย่างไรถึงจะช่วยเพิ่มจํานวนลูกค้าได้ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าเราเพิ่มขึ้นมา 200,000 กว่าคน คิดว่าใน 3 ถึง 4 ปีข้างหน้า ลูกค้าโดยรวมของเราก็น่าจะแตะหลักล้านคน”

“ตลาดหลักทรัพย์ในยุคดิจิทัล
มีโอกาสใช้เทคโนโลยีให้ตลาดการเงินทั่วโลก
เกิดความเชื่อมโยงกัน”

Loh Boon Chye
ประธานสมาพันธ์ตลาดหลักทรัพย์โลก (WFE) และ CEO ของ Singapore Exchange (SGX Group)

ด้าน Loh Boon Chye ประธานสมาพันธ์ตลาดหลักทรัพย์โลก (WFE) และ CEO ของ Singapore Exchange (SGX Group) ในฐานะประธานสมาพันธ์ตลาดหลักทรัพย์โลก ให้ความเห็นว่า สําหรับตลาดหลักทรัพย์ในยุคดิจิทัล ซึ่งเทคโนโลยีจะช่วยและเป็นแรงขับเคลื่อนสําคัญ ตลาดหลักทรัพย์จึงมีโอกาสในการใช้เทคโนโลยีให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความเชื่อมโยงกัน และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความโปร่งใส รวมถึงประสิทธิภาพของตลาดโดยรวม เช่น การใช้ AI และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ตรวจจับความผิดปกติของการซื้อขาย และปรับปรุงแนวทางบริหารความเสี่ยง ขณะเดียวกันสําหรับ ผู้เกี่ยวข้องในตลาดสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ ในกระบวนการตัดสินใจซื้อขายและกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินที่มีความซับซ้อน

เมื่อเหรียญมีสองด้าน เทคโนโลยีก็เช่นเดียวกัน เพราะแม้จะช่วยอํานวยความสะดวกในหลายด้าน และช่วยทําให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันอาจสร้างความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี ที่ทําให้นักลงทุนบางส่วนเสียเปรียบโดยไม่รู้ตัว

ตรงกับที่อารักษ์เสริมว่า นักลงทุนรายย่อยอาจมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี เพราะบางครั้งเทคโนโลยีอาจเอื้อประโยชน์ให้กับคนเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความสนใจ มีความพร้อม สามารถเข้าถึงได้ในรูปแบบเดียวกันจึงเป็นสิ่งจําเป็น

“การลงทุนยุคนี้สามารถย่อโลกทั้งใบมาอยู่ในมือของนักลงทุนที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก นี่คือประโยชน์ของเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความท้าทายของตลาดทุนไทยในด้านของการแข่งขันกับตลาดทุนโลก ทําให้ยิ่งต้องพัฒนาส่งเสริมความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎระเบียบ เสถียรภาพ ความแข็งแกร่ง ความน่าเชื่อถือ และเทคโนโลยีที่ต้องตามให้ทัน เพราะถ้ายังล้าหลัง ก็อาจเปิดช่องให้เกิดการเอาเปรียบได้เช่นกัน เช่น ความไม่เท่าเทียมกันในการลงทุนระหว่างพวกที่ใช้ระบบ HFT กับนักลงทุนบุคคล อาจจะทําให้สัดส่วนนักลงทุนบุคคลลดลงอย่างมากจนทําให้ตลาดหุ้นไทยขาดความสมดุลและความน่าสนใจ” บุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด ให้ข้อสังเกตถึงเหรียญอีกด้านของเทคโนโลยี

“การลงทุนยุคนี้ สามารถย่อโลกทั้งใบ
มาอยู่ในมือของนักลงทุน ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก
นี่คือประโยชน์ของเทคโนโลยี
ที่มาพร้อมกับความท้าทายของตลาดทุนไทย
ในด้านของการแข่งขันกับตลาดทุนโลก”

บุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด

บุญพรย้ำว่า สิ่งสําคัญคือจะทําอย่างไรให้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถทําให้นักลงทุนทุกประเภทมีความทัดเทียมและเป็นธรรม ไม่ได้มีแต่เทคโนโลยีที่เอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนรายใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะนักลงทุนรายบุคคลก็มีความสําคัญกับตลาดทุนไม่แพ้กัน

เช่นเดียวกับ ชาญชัย กงทองลักษณ์ ประธานกรรมการ ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมบริษัท หลักทรัพย์ไทย (Fl Club) มองว่าสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ TFEX ต้องทําคือการปรับกฎเกณฑ์ให้เอื้อต่อการใช้เทคโนโลยีทำธุรกรรมให้มากขึ้น เนื่องจากบางกฎเกณฑ์ยังอาจเป็นอุปสรรคต่อการทํารายการ

“ผมมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะทําให้ตลาดมีความลึก มีสภาพคล่องสูงขึ้น การทํา Transaction ก็สามารถทําได้ง่ายขึ้นแล้วก็สะดวกขึ้น เราจะเห็นเลยว่าเทคโนโลยีทําให้ทุกคนสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาในทุกสถานที่เมื่อเทียบกับในอดีต”